กิจกรรมที่เด็กๆป.3-4-5 กลุ่มบ้านเรียนปฐมธรรมไปมา 17 วันในช่วงปิดเทอมนี้คือค่ายเรือใบที่จัดโดยสมาคมแข่งเรือใบ ศูนย์สมุทรกีฬา สัตหีบครับ สมาคมจะมีหลักสูตรสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ปีละหลายครั้ง สำหรับเด็กจะมีในเดือนตุลาและมีนาที่ตรงกับเด็กปิดภาคเรียนครับ ค่าใช้จ่ายเพียง 2,000 บาทรวมอาหารกลางวัน แต่ที่พักต้องไปหากันเองแถวนั้นนะครับ เด็กอายุ 8 ขวบขึ้นไปก็สมัครได้แล้วครับ
ภรรยาผมบันทึกหลังจากลูกๆกลับมาจากค่ายดังนี้ครับ:
แล้วค่ายเรือใบ 17 วันก็จบลงค่ะ เด็กๆพาผิวสีเข้มกลับมา พร้อมกับเรื่องราวอันทรหด และสนุกสนาน ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ประเมินค่ามิได้ พ่อแม่ทุกคนฟังด้วยความภูมิใจ มองดูพวกหนูเติบโตด้วยความอิ่มเอม ไม่ว่าจะแล่นเรือใบได้เก่งหรือไม่นั้น ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่หนูได้เรียนรู้
เรียนรู้ที่จะพยายาม..ทฤษฏีก็เยอะ งงแทบแย่ กว่าจะรู้ว่าจะต้องบังคับหางเสือและใบอย่างไร เวลาจะทำให้เรือวิ่งแบบทวนลม ตามลม และขวางลม แล่นเรือหมุนเป็นวงกลมในวันแรกๆ พยายามฝึกไปทุกวัน เรียนทฤษฎีแล้วลงฝึกในทะเลวันละ 2 ครั้ง วันนี้พลาดตรงไหน พรุ่งนี้ก็แก้ไข พอผ่านไปสักอาทิตย์หนูก็อ้อมทุ่นได้อย่างสวยงาม และพาเรือกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัยกันทุกคน
เรียนรู้ว่าถ้าตั้งใจหนูทำได้…ใครจะนึกว่าเด็กแค่ 8 ขวบ สามารถพาเรือออกไปกลางทะเล ไปตามจุดหมายที่กำหนดไว้ แล้วเล่นเรือกลับเข้าฝั่งได้ หนูทำได้ค่ะ
เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบตัวเอง…ต้องซักผ้า ล้างจาน ดูแลอุปกรณ์ของตัวเอง ทั้งเสื้อชูชีพ แว่นตากันแดด ถุงมือ หมวก สมุดจด ขวดน้ำ ใครขาดอะไรไป..ก็ตัวเองนั่นแหละที่ต้องรับผลนั้น
เรียนรู้ที่จะพึ่งพากัน…เรือหนึ่งลำ ทั้งหนักและใหญ่ ลากลงทะเลคนเดียวไม่ไหวหรอกค่ะ (ยกเว้นเด็กร่างยักษ์อย่างพี่ธี) ครูจึงจับคู่บั๊ดดี้ให้ตั้งแต่วันแรก เด็กตัวโตคู่กับเด็กตัวเล็ก เพื่อช่วยกันเข็นเรือ ดูแลเรือ ช่วยกันแบกช่วยกันลาก และช่วยกันจับเรือ
เรียนรู้ที่จะอดทน..ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ตั้ง 17 วัน อาหารก็ไม่อร่อยเท่าที่บ้าน ครูฝึกก็แสนดุ แดดก็ร้อน ฝนตกก็หนาว ห้องน้ำก็ไม่สะอาด นานาความไม่สบายต่างๆ แต่ก็ต้องอดทนไว้เพื่อประสบการณ์ที่แสนวิเศษนี้
เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง…อยู่ในทะเลกว้าง ลมพัดแรงบ้าง ไม่มีลมบ้าง ทำยังไงถึงจะลอยเรือลำน้อยไปให้ได้ เพื่อนเค้าก็ไปกันโน่นแล้ว กดดันสุดๆ ทฤษฏีที่เรียนมา พอเจอคลื่นลมและความตื่นเต้น ลืมหมดอ่ะ ต้องลองผิดลองถูก เพื่อให้เรือแล่นไปได้
เรียนรู้ที่จะเอาชนะความกลัว…กลางทะเลกว้าง น้ำลึกเท่าไหร่ก็ไม่รู้ คลื่นที่ซัดโครมๆ ลมพัดตึงๆ เรือคว่ำแล้วจะทำยังไง น่าจะเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับเด็กอายุไม่ถึง 10 ขวบมากค่ะ ไม่รู้ว่าคุยกับตัวเอง ให้กำลังใจตัวเองกันไปกี่ครั้ง แต่ก็เอาชนะความกลัวในใจตัวเองกันจนได้
ได้เรียนรู้ว่า..เรือใบไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด เด็กทุกคนต้องใส่เสื้อชูชีพ ครูฝึกอยู่ในเรือยาง 2 ลำพร้อมที่จะแล่นเข้าไปช่วยเด็กๆ ถ้าเด็กเล่นเรือใบไม่เป็น..ก็แค่อยู่กับที่ ถ้าเล่นเป็นก็แล่นเร็วเท่ากับคนเดิน ถ้าลมดีถึงจะเร็วเหมือนคนวิ่ง
เรียนรู้ที่จะอยู่ง่าย…ชุดว่ายน้ำแขนยาวและขายาวที่ใส่ เวลาอากาศร้อนก็ยิ่งทำให้ร้อน เวลาเปียกก็แสนจะเหนอะหนะ แล้วการที่ต้องลงแล่นเรือใบวันละสองรอบ ลงทะเลเพื่อรับบั๊ดดี้อีกสองรอบ เปียกๆแห้งๆอยู่อย่างนั้นทั้งวัน วันหลังๆความไม่สบายตัวนี้กลายเป็นมาเป็นคำว่า “ไม่เป็นไรครับ เปียกได้..เดี๋ยวก็แห้งได้”
เรียนรู้ว่า…ฉี่ในทะเลก็ได้ ไม่ต้องวิ่งไปห้องน้ำ
เรียนรู้ว่า..ถุงมือขับมอเตอร์ไซค์คู่ละ 50 บาท เอาอยู่ค่ะ ไม่ต้องไปซื้อของแพง
เรียนรู้ว่าโลกไม่สวยงามเหมือนในโรงเรียน..เจอเพื่อต่างถิ่นที่พูดคำหยาบเป็นไฟ เพื่อนที่เอาเปรียบ เพื่อนที่กินแรง เพื่อนที่ไม่ทำตามกติกา ทำให้หนูเข้าใจว่าโลกมันเป็นเช่นนี้เอง เราเองที่ต้องรู้จักแยกแยะและทำแต่สิ่งดี
เรียนรู้ว่าการสอน..บางทีก็มาในรูปยาขม ก็ครูฝึกเป็นทหารนี่คะ จิตวิทยาเด็กไม่อยู่ในพจนานุกรม ตะโกนสั่งอย่างเดียว ไม่เชื่อฟังก็ทำโทษ ทำไม่ได้ก็ตะโกนเสียงดุ ช่วงแรกถึงกับน้ำตาตก แต่สุดท้ายหนูก็บอกว่า “หนูรู้แล้วว่าจริงๆครูใจดี อยากสอนให้หนูเล่นเรือใบเป็น เพียงแต่ครูแค่ชอบตะโกน ทำดุไปอย่างนั้นแหละ” ก็การคุมเด็ก 50+ คนลงทะเล ไม่ใช่เรื่องง่าย วินัยเป็นสิ่งสำคัญ อยู่ในห้องเรียนก็ต้องตั้งใจฟัง จะเข็นเรือลง ramp ก็ต้องช้า ค่อยๆลงทีละ 5 ลำ ต้องใส่ชูชีพ ต้องรู้วิธีกู้เรือ เหล่านี้ก็เพื่อความปลอดภัยของเด็กๆเองค่ะ (แล้วเวลาครูฝึกอยู่ในเรือยางติดเครื่องยนต์..ถ้าไม่ตะโกนหนูคงไม่ได้ยินล่ะค่ะ)
เรียนรู้คำว่า น้ำใจ ….ทุกเช้าเด็กๆต้องมาเตรียมเรือด้วยการตั้งใบ ตรวจสอบเชือกและรอก วิดน้ำออกจากเรือ ใครเตรียมเรือตัวเองเสร็จ ก็จะไปช่วยเพื่อนที่ยังไม่เสร็จ ลากเรือตัวเองเสร็จก็ไปช่วยเพื่อนลาก ส่งบั๊ดดี้ตัวเองแล่นเรือออกไปแล้วก็หันไปช่วยเรือลำข้างๆ จะโรงเรียนเดียวกันหรือไม่ก็ไม่สำคัญ น้ำใจทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น
เรียนรู้ว่าความงามของมิตรภาพ…ได้พบเพื่อนต่างวัย ต่างที่มา ที่เริ่มต้นด้วยรอบยิ้มและน้ำใจ ซื้อขนมแบ่งกัน ช่วยแบกใบเรือ วันสุดท้ายสนิทกันจนได้เล่นซ่อนหากันทีละ 20 คน
นอกจากเด็กได้เรียนรู้ พ่อแม่เองก็ได้ตระหนักหลายอย่างค่ะ
ได้ตระหนักว่า..ลูกทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด อย่าไปกังวลและคิดกลัวแทนลูก ให้โอกาสเขาได้เติบโต แล้วเรายืนคอยเป็นกำลังใจให้อยู่ข้างหลัง
ได้ตระหนักว่า..เราช่างโชคดีเหลือเกินที่มาอยู่ในครอบครัวใหญ่ปฐมธรรม ที่มีคุณยายอารมณ์และครูกิมตามไปดูเด็กๆอย่างใกล้ชิด ทั้งอาหารการกิน ความเป็นอยู่และกิจวัตรประจำวัน เด็กตั้ง 8 คนในเวลา 17 วัน ท่ามกลางแสงแดดเปรี้ยงและคลื่นลม ต้องทำด้วยความรักล้วนๆค่ะ แล้วยังมีพ่อแม่ช่วยกันคนละไม้คนละมือ และดูแลเด็กๆเหมือนกับเป็นลูกตัวเอง เราช่างโชคดีที่มาเจอกันค่ะ
ขอบพระคุณ คุณยาย อารมณ์ สุนทโรสถ์ และครูกิม เสาวลักษณ์ จันทวงศ์ ค่ะ