อัลบั้มภาพการเรียนการสอนอยู่ที่นี่ครับ
ถ้าท่านได้รับข้อความเหล่านี้ทางอีเมล์แต่ไม่เห็นวิดีโอคลิป เข้ามาดูที่ https://witpoko.com/ นะครับ
(คราวที่แล้วเรื่องตาและภาพลวงตาอยู่ที่นี่ เรื่องหูจากปีที่แล้วอยู่ที่นี่ครับ)
วันนี้ผมไปสอนเด็กๆกลุ่มบ้านเรียนปฐมธรรม กลุ่มบ้านเรียนภูมิธรรม และอนุบาลบ้านพลอยภูมิครับ วันนี้เรื่องหูและเสียง
เริ่มด้วยถามเด็กๆว่าเราใช้อะไรฟังเสียง เด็กๆก็บอกว่าใช้หู ใช้สมอง บางคนบอกว่าใช้ปากและจมูก ผมเลยบอกว่าให้อุดหูแน่นๆแล้วอ้าปากและจมูกลองฟังเสียงได้ไหม เด็กๆก็บอกว่าไม่ได้ยิน ดังนั้นผมเลยบอกว่าปากกับจมูกไม่น่าจะใช้ฟังเสียงได้ (แต่ความจริงถ้าเสียงตำ่และดังพอ หูเราอาจจะไม่ได้ยินแต่ร่างกาย หน้าอกและส่วนอื่นๆอาจใช้รู้สึกคลื่นเสียงต่ำๆเหล่านั้นได้แต่สมองเราจะไม่แปลความว่าเป็นเสียง มีคนทดลองเรื่องเสียงตำ่ๆเหล่านี้และบอกว่าอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนรู้สึกว่ามีผีอยู่ใกล้ๆ ถ้าสนใจลองหาข้อมูลเรื่อง Infrasound ดูนะครับ)
พอเราตกลงกันว่าเราใช้หูและสมองฟังเสียง ผมก็เอาภาพส่วนประกอบของหูให้ดู:
เราก็จะเห็นใบหู รูหู เยื่อแก้วหู กระดูกสามชิ้น (ค้อน ทั่ง โกลน — hammer, anvil, stirrup) ท่อยูสเทเชียนที่ต่อหูส่วนกลางกับปาก โคเคลีย (ที่เป็นรูปก้นหอย) และอุปกรณ์หลอดครึ่งวงกลมสำหรับการทรงตัว (vestibular apparatus + semicircular canls) ส่วนประกอบเหล่านี้แบ่งเป็นหูชั้นนอก (ใบหูถึงเยื่อแก้วหู) ชั้นกลาง (ในเยื่อแก้วหู กระดูกสามชิ้น และท่อยูสเทเชียน) และชั้นใน (โคเคลียและอุปกรณ์ทรงตัว)
ถึงตอนนี้ผมก็แทรกข้อมูลที่ว่าเวลาเราขึ้นที่สูงเช่นขึ้นลิฟท์ ขึ้นเขา หรือขึ้นเครื่องบิน ความดันอากาศภายนอกจะน้อยลง อากาศที่อยู่ในหูชั้นกลางมีความดันมากกว่า ทำให้เราหูอื้อ พอเราอ้าปาก หาว หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง อากาศในหูก็จะสามารถออกมาทางปากผ่านทางท่อยูสเทเชียนได้ ทำให้เราหายหูอื้อ
ขบวนการฟังเสียงก็คือ ความสั่นสะเทือนวิ่งผ่านอากาศหรือตัวกลางอื่นๆเช่นพื้น วิ่งเข้ามาในรูหู ทำให้เยื่อแก้วหูสั่นตาม เยื่อแก้วหูติดกับกระดูกค้อนเลยทำให้กระดูกค้อนสั่น กระดูกค้อนอยู่ติดกับกระดูกทั่งเลยทำให้กระดูกทั่งสั่น กระดูกทั่งติดกับกระดูกโกลนเลยทำให้กระดูกโกลนสั่น กระดูกโกลนติดอยู่กับผนังของโคเคลียเลยทำให้ผนังของโคเคลียสั่น ในโคเคลียมีของเหลวอยู่เลยมีคลื่นในของเหลว คลื่นนี้ทำให้ขนของเซลล์การได้ยินขยับไปมา ทำให้เซลล์การได้ยินส่งสัญญาณไฟฟ้าไปที่สมอง แล้วสมองก็ตีความว่าได้ยินอะไร มีวิดีโอคลิปให้เด็กๆดูครับ:
ขนของเซลล์การได้ยิน จะสั่นไปมาเวลามีเสียงมากระทบหู |
หน้าและหูค้างคาวแบบต่างๆ |
จมูกค้างคาวทำหน้าที่โฟกัสเสียงได้ (ค้างคาวสองพันธุ์ใช้เสียงต่างกัน) |
เราได้ดูรูปเสียงจากเครื่องดนตรีต่างๆด้วยโปรแกรมฟรีชื่อ Audacity พอเราอัดเสียงได้เราก็ซูมดูภาพคลื่นเสียงแล้วฟังไปด้วย เด็กๆจึงเห็นได้ว่าเสียงสูงมีคลื่นหยักๆมากกว่าเสียงตำ่ ซึ่งแปลว่าเสียงสูงมีความถี่สูงกว่าเสียงต่ำนั่นเอง
สุดท้ายผมถามเด็กๆว่าทำไมเรามีสองหู เด็กๆบอกว่าจะได้ยินเสียงเยอะๆ ผมเสริมว่าหูสองหูของเราจะฟังได้ยินเสียงไม่พร้อมกันและดังไม่เท่ากัน ทำให้เราสามารถบอกตำแหน่งว่าเสียงเกิดมาจากที่ไหนได้ และผมก็ให้เด็กๆฟังเสียงที่อัดมาด้วยไมโครโฟนสองอันที่ติดไว้ที่หูของหุ่นคน ทำให้เมื่อฟังเสียงเหล่านี้ผ่านหูฟัง เราจะรู้สึกได้ว่าแหล่งกำเนิดเสียงมาจากที่ไหน ถ้ายังไม่เคยลองผมแนะนำให้ลองตอนนี้เลยครับ ใช้หูฟังจะชัดที่สุด:
นี่คือตัวอย่างหน้าเด็กๆที่ฟังอยู่ครับ ภาพการเรียนการสอนทั้งหมดอยู่ที่นี่นะครับ:
Hi Ko Saipetch, Nice blog! How to add the Glitter Effect Mouse Pointer to your Blog