แม่เหล็กไฟฟ้าและสายเอ็นตกปลานำแสง

 

อัลบั้มภาพการเรียนการสอนอยู่ที่นี่ครับ

ถ้าสงสัยว่าไม่เห็นรูปหรือวิดีโอ เข้าไปดูที่เว็บ https://witpoko.com/ นะครับ ส่วนใหญ่ถ้าอ่านในเมล์จะไม่เห็นวิดีโอครับ

(คราวที่แล้วเรื่อง “กลขวดตก ความฝืดของเชือก การสะท้อนพาราโบลา วงรี และ Retroreflector” ครับ)

วันนี้ผมไปสอนเด็กๆกลุ่มบ้านเรียนปฐมธรรม กลุ่มบ้านเรียนเฟิร์น และอนุบาลบ้านพลอยภูมิครับ วันนี้เด็กอนุบาลสามและประถมต้นได้รู้ว่าเข็มทิศทำจากแม่เหล็กและโลกก็มีสนามแม่เหล็ก ได้เล่นแม่เหล็กๆไฟฟ้าที่ทำจากสายไฟพันตะปูควง เด็กประถมปลายได้ทดลองเล่นกับสายเอ็นตกปลานำแสงที่ใช้หลักการเดียวกันกับใยแก้วนำแสงนำแสงจากปลายข้างหนึ่งให้วิ่งสะท้อนไปภายในแล้วไปออกที่ปลายอีกข้างหนึ่งครับ

สำหรับเด็กอนุบาลสามและประถมต้น ผมเอาเข็มทิศมาสามอันให้เด็กๆดูแล้วให้เดาว่าคืออะไร เด็กๆบางคนรู้ว่าคือเข็มทิศใช้ป้องกันหลงทาง ผมจึงถามว่าเด็กๆทราบไหมว่ามันป้องกันหลงทางอย่างไร เมื่อเด็กๆงง ผมก็บอกให้เด็กๆสังเกตว่าเห็นไหมว่าแนวเข็มของเข็มทิศทั้งสามอันชี้อยู่ในแนวเดียวกัน ไม่ว่าเราจะขยับตัวเข็มทิศไปมาก็ตาม รอสักพักเข็มจะกลับมาอยู่ในแนวเดิมอีก

เข็มทิศสามอัน ชี้ในแนวเดียวกัน
ถ่านไฟฉาย เข็มทิศ และแม่เหล็กไฟฟ้า

Continue reading แม่เหล็กไฟฟ้าและสายเอ็นตกปลานำแสง

กลขวดตก ความฝืดของเชือก การสะท้อนพาราโบลา วงรี และ Retroreflector

 

อัลบั้มภาพการเรียนการสอนอยู่ที่นี่ครับ

ถ้าสงสัยว่าไม่เห็นรูปหรือวิดีโอ เข้าไปดูที่เว็บ https://witpoko.com/ นะครับ ส่วนใหญ่ถ้าอ่านในเมล์จะไม่เห็นวิดีโอครับ

(คราวที่แล้วเรื่อง “แป้งข้าวโพดเต้นระบำ การวิวัฒนาการของตา การหักเหและสะท้อนของแสง” ครับ)

วันอังคารที่ผ่านมานี้ผมไปสอนเด็กๆกลุ่มบ้านเรียนปฐมธรรม กลุ่มบ้านเรียนเฟิร์น และอนุบาลบ้านพลอยภูมิครับ วันนี้เด็กอนุบาลสามและประถมต้นได้ทดลองเล่นกลขวดตกโดยใช้เชือกยาวประมาณหนึ่งเมตรผูกกับขวดใส่น้ำพลาสติกที่ปลายข้างหนึ่ง ส่วนปลายอีกข้างหนึ่งผูกติดกับยางลบก้อนเล็กๆ เริ่มด้วยวางเชือกพาดนิ้วให้ขวดห้อยอยู่โดยดึงเชือกด้านที่มียางลบไว้ แล้วปล่อยปลายเชือกด้านยางลบให้ขวดตกลงมา จะพบว่าขวดจะตกลงมาไม่มากแล้วเชือกจะตวัดไปพันนิ้วหลายรอบหยุดยั้งการตกของขวดได้ เด็กๆได้ทดลองและเห็นว่าความฝืดเพิ่มขึ้นอย่างมากมายเมื่อจำนวนรอบที่เชือกพันกับหลักเพิ่มขึ้น สำหรับเด็กประถมปลายได้ศึกษาการสะท้อนกับผิวสะท้อนรูปทรงพาราโบลา การสะท้อนภายในวงรี และการสะท้อนกับสิ่งประดิษ์ที่เรียกว่า Retroreflector ที่สะท้อนแสงกลับไปในทิศทางขนานกับแสงที่วิ่งเข้ามา นอกจากนี้เด็กๆประถมปลายได้ดูวิดีโอคลิปการรวมแสงอาทิตย์ด้วยจานพาราโบลาจนจุดโฟกัสร้อนมากจนสามารถเผาผลาญและหลอมละลายสิ่งของต่างๆได้ครับ

กลขวดตกทำอย่างนี้ครับ เอาขวดพลาสติกขนาดประมาณครึ่งลิตรใส่น้ำสักครึ่งขวดปิดให้สนิท ผูกด้วยเชือกยาวประมาณหนึ่งเมตรที่ปลายข้างหนึ่ง ผูกปลายเชือกอีกข้างกับก้อนยางลบ แล้วก็เอาเชือกไปพาดกับนิ้วให้ขวดห้อยอยู่โดยเราจับปลายเชือกด้านยางลบไว้ครับ จากนั้นเราก็ปล่อยยางลบให้ขวดตกลงสู่พื้น ปลายเชือกที่ผูกยางลบก็จะตกลงและถูกดึงเข้าหานิ้วเรา เมื่อไปถึงนิ้วก็จะมีความเร็วและแกว่งเร็วพอจะพันนิ้วหลายรอบ แรงเสียดทานที่เชือกพันนิ้วก็จะมากพอที่จะหยุดขวดน้ำให้หยุดตกได้ วิดีโอคลิปการทดลองเป็นอย่างนี้ครับ:

ผมมีคลิปที่น่าจะเห็นได้ชัดขึ้นถ่ายเก็บไว้ตั้งแต่สองปีที่แล้วด้วยครับ ผมใช้ก้อนดินน้ำมันใหญ่แทนขวดน้ำ และก้อนดินน้ำมันเล็กแทนยางลบครับ: Continue reading กลขวดตก ความฝืดของเชือก การสะท้อนพาราโบลา วงรี และ Retroreflector

แป้งข้าวโพดเต้นระบำ การวิวัฒนาการของตา การหักเหและสะท้อนของแสง

 

อัลบั้มภาพการเรียนการสอนอยู่ที่นี่ครับ

ถ้าสงสัยว่าไม่เห็นรูปหรือวิดีโอ เข้าไปดูที่เว็บ https://witpoko.com/ นะครับ ส่วนใหญ่ถ้าอ่านในเมล์จะไม่เห็นวิดีโอครับ

(คราวที่แล้วเรื่อง “คุยกันต่อเรื่องตา แบบจำลองตา การสะท้อนและหักเหของแสง” ครับ)

วันอังคารที่ผ่านมานี้ผมไปสอนเด็กๆกลุ่มบ้านเรียนปฐมธรรม กลุ่มบ้านเรียนเฟิร์น และอนุบาลบ้านพลอยภูมิครับ วันนี้เด็กอนุบาลสามได้เล่นโคลนที่ทำจากแป้งข้าวโพด (Oobleck) ที่เป็นของเหลวเมื่อปล่อยไว้เฉยๆแต่จะเปลี่ยนเป็นของแข็งเมื่อถูกกดหรือบีบหรือกวน และเมื่อวางไว้บนแผ่นพลาสติกที่สั่นสะเทือนบนลำโพง Subwoofer ก็จะเต้นไปมาครับ เด็กประถมต้นไ้ด้เรียนรู้เรื่องตาต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้เห็นตาหลายชนิดที่มีความซับซ้อนต่างๆกัน และลักษณะที่ตาแบบต่างๆมองเห็น เด็กๆได้ลองมองภาพด้วยกล้องรูเข็มซึ่งมีลักษณะการทำงานเหมือนตาของหอยงวงช้าง (Nautilus) เด็กประถมปลายได้ทดลองยิงแสงเลเซอร์ใส่ปริซึมแล้วบันทึกสิ่งที่เห็น ได้เห็นการสะท้อนเมื่อแสงวิ่งจากน้ำไปอากาศที่มุมที่ชันไม่พอ

สำหรับเด็กอนุบาลสามผมผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำให้เป็นโคลน โดยเอาแป้งข้าวโพดใส่ถ้วยแล้วค่อยๆเทน้ำลงไปทีละน้อยแล้วคนให้เข้ากัน แป้งข้าวโพดจะมากกว่าน้ำประมาณสองเท่า เมื่อผสมกันเรียบร้อยแล้วก็ให้เด็กๆเอานิ้วและตะเกียบกดหรือคนดู ถ้ากดช้าๆมันจะไหลเป็นของเหลวและนิ้วเราจะจมลงไปได้ ถ้ากดแรงๆมันจะแข็งตัวเป็นของแข็งและนิ้วเราจะติดอยู่ที่ผิว

สาเหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าโมเลกุลของแป้งข้าวโพดเป็นเส้นใยยาวๆ เวลาเราเอาแป้งข้าวโพดไปละลายน้ำให้ข้นๆเหมือนโคลน โมเลกุลยาวๆของมันจะลอยอยู่ในน้ำ พันกันยุ่งๆ ไขว้กันไปมา ถ้าเราเอานิ้วหรือตะเกียบคนช้าๆ โมเลกุลจะมีเวลาค่อยๆขยับผ่านกัน เราจึงไม่รู้สึกถึงแรงต้านมากนัก เหมือนกับคนของเหลวธรรมดา แต่ถ้าเราเอานิ้วหรือตะเกียบไปคนเร็วๆ โมเลกุลจะไม่มีเวลาขยับผ่านกัน มันจะยังพันกันเกี่ยวกันอยู่ แรงต้านที่นิ้วหรือตะเกียบจะเยอะมาก เราจะเห็นว่าเจ้าแป้งข้าวโพดละลายน้ำกลายเป็นของแข็งทันทีเมื่อเราไปคนมันเร็วๆ

นอกจากใช้นิ้วกดแล้วเรายังสามารถใช้คลื่นเสียงแทนนิ้วเราได้ด้วยครับ วิธีทำคือหาลำโพงซับวูฟเฟอร์ที่มีช่องลมมา แล้วเอาแผ่นพลาสติกวางไว้บนช่องลม เทโคลนแป้งข้าวโพดบนแผ่นพลาสติก แล้วปล่อยเสียงความถี่ต่ำๆใส่ลำโพง อากาศที่ช่องลมจะสั่นสะเทือนตามสัญญาณเสียงทำให้แผ่นพลาสติกสั่น แล้วทำให้โคลนแป้งข้าวโพดสั่นไปมาดูเหมือนสัตว์ประหลาดครับ

ถ้าเรามีงบประมาณเยอะๆ เราสามารถผสมแป้งข้าวโพดเป็นตันๆแล้วใส่อ่างใหญ่ๆให้คนลงไปวิ่งไปกระโดดได้ครับ คลิปข้างล่างเป็นคลิปจากมาเลเซียที่เขาผสมโคลนมา 8,000 ลิตรแล้วให้คนไปวิ่งข้างบนครับ: Continue reading แป้งข้าวโพดเต้นระบำ การวิวัฒนาการของตา การหักเหและสะท้อนของแสง

บันทึกกิจกรรมวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กๆ อยากให้คุณพ่อคุณแม่คุณครูเอาไปประยุกต์เล่นกับเด็กๆเยอะๆครับ :-)