ผมไปทำกิจกรรมวิทยาศาสตร์กับเด็กประถมศูนย์การเรียนปฐมธรรมมาครับ เด็กๆหัดคิดแบบวิทยาศาสตร์โดยพยายามอธิบายมายากล ผมเล่าให้เด็กๆฟังว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารับรู้เกิดจากสมองแปลความสัญญาณไฟฟ้าที่รับมาจากประสาทสัมผัสทั้งหลาย เช่นภาพต่างๆที่เราเห็นก็เกิดจากสมองวาดขึ้นมาจากสัญญาณไฟฟ้าจากประสาทตา สมองถูกหลอกและหลอกตัวเองได้ง่ายกว่าที่เราคิด เราดูตัวอย่างการที่สมองถูกหลอกโดยภาพลวงตาต่างๆกัน
(อัลบั้มบรรยากาศกิจกรรมอยู่ที่นี่ ส่วนลิงก์รวมทุกกิจกรรมอยู่ที่นี่นะครับ)
ก่อนอื่นเด็กๆได้ดูมายากลในคลิปนี้ครับ เด็กๆดูกลก่อนแล้วพยายามอธิบายก่อนเฉลย คราวนี้เป็นกลนักดนตรีหายไปครับ:
กิจกรรมหัดอธิบายมายากลนี้ฝีกเด็กๆให้คิดแบบวิทยาศาสตร์ มีการสังเกต การตั้งสมมุติฐานเพื่ออธิบายสิ่งที่สังเกตมา การตรวจสอบสมมุติฐานกับข้อมูลที่สังเกตมา การตั้งสมมุติฐานใหม่เมื่อสมมุติฐานเดิมขัดกับข้อมูล นอกจากนี้เราพยายามให้เด็กๆมีความกล้าคิดและออกความเห็น และหวังว่าเมื่อโตไปจะไม่ถูกหลอกง่ายๆครับ
ผมเล่าให้เด็กๆฟังว่าการรับรู้ต่างๆของเรา เราเห็นอะไร เราได้ยินอะไร เรารับรสชาติอะไร เราได้กลิ่นอะไร เราสัมผัสอะไร ต่างเกิดจากการที่สมองตีความสัญญาณไฟฟ้าที่วิ่งมาตามเส้นประสาทที่เชื่อมกับอวัยวะในร่างกาย การตีความนี้มีประโยชน์ทำให้พวกเรามีชีวิตอยู่ได้ในโลก เรามักจะเข้าใจผิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารับรู้มีความถูกต้องตรงกับความเป็นจริง แต่เราอาจตีความผิด รับรู้ผิดๆ จำผิดๆ และเข้าใจอะไรผิดๆก็ได้ ดังนั้นเราต้องระมัดระวังว่าเรารับรู้และเข้าใจสิ่งต่างๆอย่างไร
วันนี้เราใช้ตัวอย่างภาพลวงตาต่างๆมาแสดงว่าเราเข้าใจผิดหรือรับรู้ผิดได้ง่ายๆอย่างไร
ผมใช้ตัวอย่างจากเว็บ Illusion Index ตัวอย่างแรกคือความยาวของเส้นที่ปลายไม่เหมือนกัน (Müller-Lyer) ดูเหมือนยาวไม่เท่ากัน แต่ถ้าเอาไม้บรรทัดวัดจะพบว่ายาวเท่ากัน:
อีกอันคือเมื่อเราเห็นลวดลายเคลื่อนไหวนานๆแล้วเราไปมองภาพนิ่ง (หรือหน้าคน) เราจะเห็นการเคลื่อนไหวในภาพนิ่งนั้น ภาพลวงตานี้เรียกว่า Waterfall Illusion สามารถเข้าไปเล่นในลิงก์นี้ได้ครับ: https://www.illusionsindex.org/ir/79-waterfall-illusion หน้าตามันจะเป็นประมาณนี้:
ภาพลวงตาอันต่อไปคือเมื่อเราจ้องมองอะไรนานๆสิ่งนั้นหายไป เราจะเห็นเงาของสิ่งนั้นเหลืออยู่ เงาในที่นี้ไม่ใช่เงาดำๆ แต่มีสีตรงข้ามกับสิ่งที่เราจ้องตอนต้น ภาพลวงตาแบบนี้เรียกว่า Negative Afterimages เข้าไปเล่นในลิงก์นี้ครับ: https://www.illusionsindex.org/ir/21-negative-afterimages หน้าตาจะเป็นประมาณนี้ ให้จ้องจุดดำตรงกลางไว้นะครับ:
เรื่องสีที่เปลี่ยน หรือแม้แต่ทำให้ภาพขาวดำดูมีสีขึ้นมาได้ ผมเคยบันทึกไว้ที่ “ภาพขาวดำกลายเป็นสี! แบบจำลองตา ตัวอย่างประโยชน์คณิต กลไฟฟ้าสถิต” เชิญผู้สนใจเข้าไปดูนะครับ
ต่อไปผมให้เด็กๆดูภาพลวงตาบันได ให้ดูว่าบันไดขั้นไหนเป็นขั้นที่สูงสุด ขั้นไหนต่ำสุด บันไดนี้เรียกว่า Penrose Stairs อยู่ที่ลิงก์นี้: https://www.illusionsindex.org/i/50-penrose-stairs
ถ้าลองไล่ไปเรื่อยๆเราจะไม่พบบันไดขั้นที่สูงที่สุดหรือต่ำที่สุด การมองเห็นของตาเราจะชัดในบริเวณจำกัดที่เล็กมาก เราต้องกวาดสายตาไล่ไปเรื่อยๆ เราจะไม่ค่อยเห็นรายละเอียดรอบๆที่ห่างจากจุดที่เราจ้องอยู่ ดังนั้นจึงมีภาพลวงตาที่อาศัยการเคลื่อนไหวตาเพื่อโฟกัสทีละบริเวณเช่นภาพข้างบนครับ
มีภาพลวงตาทำนองนี้มากมาย ยกตัวอย่างดังต่อไปนี้:
Fair use, Link
By AnonMoos – This <a href=”https://en.wikipedia.org/wiki/vector_image” class=”extiw” title=”w:vector image”>vector image</a> includes elements that have been taken or adapted from this file:, Public Domain, Link
ผมแนะนำให้เด็กๆรู้จักกับงานของศิลปิน M.C. Escher เช่นภาพน้ำตกที่เป็นไปไม่ได้:
เด็กๆได้ดูว่าเส้นขนานกันไหม (ขนานครับ ต้องเอาไม้บรรทัดมาเทียบ, ภาพจากเว็บ Quirkology):
ได้ทดลองดูว่าวัตถุโค้งๆอันไหนยาวกว่ากันครับ เนื่องจากไม่ได้ถ่ายวิดีโอไว้ ขอเอาคลิปที่ถ่ายทำกับเด็กจิ๋วมาให้ดูแทนนะครับ:
ถ้าอยากลองเล่นเองที่บ้านลองตัดตามแบบข้างล่างนี้ก็ได้ครับ:
ผมแจกรูปโต๊ะสองตัวให้เด็กๆไปดูว่าอันไหนยาวกว่า และถ้าวัดแล้วเปรียบเทียบเป็นอย่างไรครับ:
อันนี้คลิปโต๊ะลวงตาครับ: