ยาอายุวัฒนะ

วันนี้ผมบันทึกเสียงสั้นๆวิทยาศาสตร์ทั่วไปในรายการ Sci & Tech ที่วิทยุไทยพีบีเอสเรื่องยาอายุวัฒนะ เลยเอาสรุปและลิงก์ที่ผู้สนใจเข้าไปดูเพิ่มเติมมารวมไว้ที่นี่ครับ

สรุปคือ:

  1. ความรู้และเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นใน 100 ปีที่ผ่านมาสามารถรักษาโรคมากมายที่เคยฆ่าคนตั้งแต่อายุน้อยๆทำให้อายุขัยเฉลี่ยของมนุษยชาติเพิ่มขึ้นมาก แต่คนแก่มากที่สุดในโลกก็ยังตายตอนอายุประมาณ 120 ปีอยู่ดี นอกจากนั้นคนแก่ทุกคนจะอ่อนแอมากขึ้นเรื่อยๆก่อนจะตายด้วย
  2. มีความพยายามเพิ่มอายุขัยและปรับปรุงสุขภาพด้วยวิธีต่างๆมานับพันปีแต่ไม่ได้ผล แม้แต่คนที่รำ่รวยที่สุดหรือมีอำนาจมากที่สุดก็มักอยู่ไม่ถึง 100 ปี แต่ตอนนี้เราเริ่มจะมีหวังว่าเราจะรู้จักวิธียืดอายุและปรับปรุงสุขภาพด้วยความรู้ใหม่ๆที่เพิ่มขึ้นแล้ว
  3. การศึกษากระบวนการแก่ในสัตว์ต่างๆเริ่มนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นว่าความแก่คืออะไร และเราสามารถดัดแปลงให้แก่ช้าลงได้อย่างไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่นเรารู้มาประมาณ 70 ปีแล้วว่าสัตว์หลายๆชนิดที่กินอาหารน้อยกว่าปกติมีอายุยืนและสุขภาพดีกว่าสัตว์ตัวอื่นที่กินมากปกติ จึงมีการศึกษาในระดับเซลล์และขบวนการเคมีว่าการอดอาหารทำให้แก่ช้าอย่างไร
  4. ความรู้ที่สะสมมาหลายสิบปีโดยนักวิจัยนับพันคนทำให้เราเริ่มมีไอเดียยืดอายุและปรับปรุงสุขภาพโดยทดลองกับสัตว์ (และกำลังจะหรือกำลังทำการศึกษาในคน) หลายๆไอเดีย เช่น การทำลายเซลล์ซอมบี้ (senescent cell) ซึ่งก็คือเซลล์ที่หยุดแบ่งตัวหลังจากแบ่งแล้วหลายครั้ง, ให้วัตถุดิบในการสร้างโคเอนไซม์ NAD+ ที่มีส่วนสำคัญในการบำรุงรักษาการทำงานของเซลล์, และการฉีดสเต็มเซลล์ วิธีเหล่านี้ในสัตว์ทดลองดูเหมือนว่าจะได้ผล แต่สำหรับคนเราควรจะรออีกไม่กี่ปีเพื่อดูผลการศึกษาในคนว่ามีความเสี่ยงอะไรไหม ถ้ามีผลดีมากและความเสี่ยงน้อย เราก็จะมียาอายุวัฒนะที่ใช้ได้จริงๆเสียที
  5. ตอนนี้ไม่ควรเชื่อคนที่มาขายของหรือวิธีเหล่านี้ ควรรอผลการศึกษาที่น่าเชื่อถือในคนก่อน ยกตัวอย่างเช่นการฉีดสเต็มเซลล์บางครั้งก็เพิ่มโอกาสเนื้องอกหรือมะเร็งได้
  6. สิ่งที่ทำตอนนี้และอาจจะมีผลดีต่ออายุและสุขภาพ (โดยดูจากผลในสัตว์ทดลอง) คือ 1. ลดโอกาสเสียหายของ DNA เช่นไม่ตากแดดมากเกินไป ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า, 2. ทานน้อยๆให้รู้จักหิวบ้างสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง อาจทานอาหารแค่ 1-2 มื้อ, 3. ไม่ทานโปรตีนมากเกินไป, 4. ออกกำลังกายให้เหนื่อยหอบสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง, 5. อยู่ในที่ที่ร้อนหรือหนาวเกินไปบ้าง เข้าใจว่าการทำเช่นนี้เป็นการกระตุ้นระบบซ่อมแซมเซลล์ให้ทำงานมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ควรทำอะไรสุดโต่งเกินไปจนบาดเจ็บ

ลิงก์น่าสนใจ:

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.