วันนี้เด็กๆเรียนเรื่อง self-serving bias จากหนังสือ The Art of Thinking Clearly โดยคุณ Rolf Dobelli ที่เรามักจะคิดว่าตัวเราดีหรือเก่งมากกว่าเป็นจริง เวลาประสบความสำเร็จต่างๆมักให้เครดิตความสามารถตัวเอง เวลาประสบความล้มเหลวมักโทษปัจจัยภายนอก และไม่เข้าใจผลกระทบจากโชคและสิ่งรอบตัวที่ไม่ได้ควบคุมหรือควบคุมไม่ได้ครับ
เด็กๆได้ฟังเรื่องฝีมือหรือโชคนิดหน่อย คือเราต้องมีทั้งฝีมือและโชคดีด้วย ฝีมือเราฝึกได้ โชคดีเกิดจากเลือกไปอยู่ในสถานการณ์ที่ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยเป็นบวกบ่อยๆและหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยเป็นลบครับ และพยายามอย่าตายหรืออย่าเจ๊งหมดตัวในการเสี่ยงแต่ละครั้งครับ เพิ่มเติมที่
- Talent vs Luck: the role of randomness in success and failure
- Talent, luck and success: simulating meritocracy and inequality with stochasticity
- Be lucky – it’s an easy skill to learn
จากนั้นเด็กๆก็วัดคาบการแกว่งลูกตุ้มความยาว 25, 100, 225 เซ็นติเมตรครับ โดยทำการจับเวลากันหลายๆคนพร้อมๆกัน ให้เด็กๆเห็นว่าการวัดต่างๆของเราจะมีความคลาดเคลื่อนบ้างเสมอๆ และหัดคำนวณค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของสิ่งที่เราวัดมาครับ
ข้อมูลคาบที่เราวัดกันมา (รวมข้อมูล 400 ซ.ม. จากสัปดาห์ที่แล้วด้วย)
ความยาวลูกตุ้ม (ซ.ม.) | คาบ (วินาที) |
25 | 1.01 ± 0.03 |
100 | 2.01 ± 0.02 |
225 | 3.00 ± 0.02 |
400 | 4.01 ± 0.02 |
จากคาบที่วัดได้ เรามาหาค่า g (ค่าความเร่งจากแรงโน้มถ่วงที่ผิวโลก) ได้ 9.83 ± 0.01 ซึ่งคลาดเคลื่อนจากค่ามาตรฐานที่วัดในประเทศไทยประมาณครึ่งเปอร์เซ็นต์ครับ
เด็กๆได้เห็นความสัมพันธ์คาบกำลังสองแปรผันกับความยาวลูกตุ้มด้วยครับ คือถ้าคาบเพิ่มขึ้นสองเท่าความยาวจะเพิ่มขึ้นสี่เท่า ถ้าคาบเพิ่มขึ้นสามเท่าความยาวจะเพิ่มขึ้นเก้าเท่า ถ้าคาบเพิ่มขึ้นสี่เท่าความยาวจะเพิ่มขึ้นสิบหกเท่าครับ
อัลบั้มบรรยากาศกิจกรรมวิทย์อยู่ที่นี่นะครับ