เป็นบทความที่เขียนโดยคุณสรวงมณฑ์ สิทธิสมานครับ เป็นข้อคิดทางเลือกว่ากิจกรรมที่ลูกอาจจะทำได้นอกจากเรียนพิเศษในช่วงปิดเทอมมีอะไรบ้างครับ
คิดถึงตัวผมเอง ถ้าย้อนกลับไปในอดีตได้ ผมอยากฝึกเล่นเปียโน กีต้าร์ + กีต้าร์ไฟฟ้า และ
เคนโดให้เก่งเลย 5 5 5
การที่ผมเห็นการทำงานของหมอที่ดีมาแต่เล็ก ทำให้ผมตัดสินใจได้ว่าตัวเองไม่เหมาะจะเป็นหมอ เพราะจะไปทำเวรทำกรรมกับคนไข้เปล่าๆ (ล่าสุด ตอนไปเจอหมอปากหมาแถวเขาใหญ่ เพราะลูกสาวหัวแตกตอนไปเดินป่า ก็ควบคุมอารมณ์ได้เพราะแอบหัวเราะในใจว่าถ้าเราเป็นหมอ สงสัยจะปากหมาเหมือนเขาเลย ก็เลยไม่โกรธมาก)
ตอน ม.4 บังเอิญไปพบหนังสือชื่อ
Feynman’s Lectures on Physics ซึ่งเขียนโดย
อัจฉริยะตัวจริง ที่สอนให้เข้าใจธรรมชาติ ไม่ใช่เรียนฟิสิกส์แบบท่องจำสูตรหรือทำโจทย์เร็วๆเลยสนใจวิทยาศาสตร์แบบจะยึดเป็นอาชีพ เลยตั้งใจไปเรียนวิทย์ที่ Caltech ที่ Feynman สอนอยู่
ตอนเข้าเรียนปีแรกที่ Caltech เรายังสามารถเปลี่ยนคณะได้ เขาให้ทดลองเรียนหลายๆสาขาที่เราสนใจ ผมก็สนใจ คณิตศาสตร์ ชีววิทยา และฟิสิกส์ ปรากฏว่าการบ้านชีวะ ยากมหากาฬ (ตอนนั้นใข้ computer มา sequence genes ไม่เป็น ทำการบ้านวิชานี้ อาทิตย์ละ 15-20 ช.ม.) จะเรียนคณิต ก็เจอเพื่อนร่วมห้องอายุ 12 ที่เข้าใจอะไรๆเร็วกว่าเราเยอะทั้งๆที่เราอายุ 17 เลยรู้สึกโง่มาก ก็เลยเหลือแต่ ฟิสิกส์ที่เราพอทำได้ ก็เลยเทรนเป็นนักฟิสิกส์ ความบังเอิญเล็กๆน้อยๆในอดีตมีผลมากมายในปัจจุบัน (
ดังนั้นทานอาหารเหมือนกับหนูดีหนึ่งอย่าง ไม่น่าจะทำให้เป็นแบบหนูดีได้นะครับ)
เด็กสมัยนี้ถ้าสนใจอะไรจริงจังน่าจะเรียนรู้ทำอะไรเจ๋งๆได้มากขึ้นไปอีก ความรู้และข้อมูลเต็มไปหมด lectures จาก MIT และโรงเรียนชั้นนำก็ดูได้ฟรีๆ เข้า newsgroup เพื่อปรึกษากับคนในสาขาต่างๆทั้งโลกก็ได้ จะค้นหา patent มาดูว่าสิ่งประดิษฐ์ทำงานอย่างไรก็ได้ ทำอะไรเจ๋งๆสำเร็จก็เผยแพร่ให้คนทั้งโลกดูได้ทันที เช่น โมWii (ที่ TED) เล่นกีต้าร์ เล่นกีต้าร์อีก หรือร้องเพลง
ไปนั่งสอบแข่งกัน ด้วยข้อสอบแบบเก่าๆ ที่ไม่ได้วัดความสามารถในความเข้าใจ ความคิดสร้างสรรค์ และความอึด แล้วเรียนๆไปจนจบให้ได้ปริญญา ไม่น่าจะเหมาะกับอนาคตเท่าไรนะครับ (และไม่น่าจะสนุกด้วย ถ้าสนุกก็ว่าไปอย่าง)
บันทึกกิจกรรมวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กๆ อยากให้คุณพ่อคุณแม่คุณครูเอาไปประยุกต์เล่นกับเด็กๆเยอะๆครับ :-)