Tag Archives: วิทย์ม.ต้น

วิทย์ม.ต้น: Omission Bias, Trolley Problem, วัดคาบการแกว่งลูกตุ้ม

วันนี้เด็กๆเรียนเรื่อง omission bias จากหนังสือ The Art of Thinking Clearly โดยคุณ Rolf Dobelli  ที่เรามักจะอยากอยู่เฉยๆไม่แทรกแซงเหตุการที่กำลังเกิดตรงหน้า โดยเราไปโฟกัสว่าถ้าเราเข้าไปแทรกแซงแล้วเกิดผลร้ายขึ้นมา มันจะแย่กว่าอยู่เฉยๆแล้วเกิดผลร้ายครับ เช่นคนบางคนไม่ให้ลูกฉีดวัคซีนเพราะกลัวผลข้างเคียงหลังจากฉีด ทั้งๆที่ถ้าอยู่เฉยๆไม่ฉีด ลูกจะมีโอกาสป่วยจากโรคและมีผลเสียมากกว่าครับ

จากนั้นผมก็แนะนำให้เด็กๆรู้จัก Trolley Problem ครับ คือมีรถรางวิ่งมาตามราง ถ้าวิ่งตรงไปเรื่อยๆจะชนคน 5 คนที่นอนทับรางทำให้คนตาย 5 คน ถ้ามีคนสลับรางให้เลี้ยว รถรางจะเปลี่ยนทางวิ่งไปชนคนตาย 1 คน ถ้าเราอยู่ที่สวิทช์สลับราง เราจะทำอย่างไร

ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Trolley_problemโดย McGeddon [CC BY-SA 4.0 (https://creativecommons.org/licenses/by-sa/4.0)]

จากนั้นเด็กๆก็ลงมือวัดขนาดและคาบการแกว่งของลูกตุ้ม (pendulum) ที่ทำจากน๊อตหกเหลี่ยมกับเส้นด้ายครับ ให้เด็กๆเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนต่างๆในการทำการทดลอง และให้เห็นว่าถ้าความยาวของลูกตุ้มเพิ่มขึ้นสี่เท่า คาบการแกว่งจะเพิ่มเป็นสองเท่าครับ (ภาพกิจกรรมอยู่ที่นี่นะครับ)

วิทย์ม.ต้น: เขียนไพธอนหาตัวประกอบเลข, หัดใช้ set, คอมพิวเตอร์โบราณ, หัดเขียนฟังก์ชั่น

วันนี้เด็กม.2-3 หัดเขียนโปรแกรมหาตัวประกอบของเลขจำนวนเต็มกันครับ เด็กๆเอาไปทำที่บ้านสัปดาห์ที่แล้ว และส่วนใหญ่ก็คิดได้ว่าควรลองเอาตัวเลขไปหารดูว่าหารลงตัวไหม ถ้าหารลงตัวก็เป็นตัวประกอบ

ผมแสดงวิธีทำให้ดูว่าเราควรเก็บตัวประกอบต่างๆไว้ในลิสต์เพื่อจะได้ส่งให้ผู้ใช้ฟังก์ชั่นของเราเอาผลลัพธ์ไปทำงานต่างๆต่อได้:

และผมให้เด็กๆคิดว่าเวลาเราหาตัวประกอบของ x เราจำเป็นต้องหาตัวหารมาทดลองตั้งแต่ 1 ถึง x เลยไหม หลังจากเด็กๆคิดสักพัก เด็กบางคนก็เข้าใจว่าเราอาจจะลองแค่ 1 ถึง sqrt(x) หรือ 1 ถึงรากที่สองของ x เท่านั้นก็ได้ถ้าตอนทดลองหารเราเก็บผลหารไว้ด้วย การทำอย่างนี้จะทำให้เราใช้เวลาคำนวณน้อยลงมาก เช่นถ้า x มีขนาดสักร้อยล้าน รากที่สองของ x จะมีขนาดประมาณหนึ่งหมื่นเท่านั้น ประหยัดเวลาไปหมื่นเท่า

นอกจากนี้เด็กๆได้เห็นวิธีเปลี่ยนลิสต์เป็นเซ็ตเพื่อกำจัดตัวประกอบที่ซ้ำออก และเห็นการเปลี่ยนเซ็ตเป็นลิสต์เพื่อจัดเรียงสมาชิกด้วย:

โหลด Jupyter Notebook ได้ที่นี่ หรือดูออนไลน์ได้ที่นี่ครับ

สำหรับม.1 ผมเล่าให้ฟังว่าเราเรียนโปรแกรมมิ่งไปเพื่อจะได้สั่งงานเครื่องจักรให้ทำงานให้เรา ยกตัวอย่างเช่นโทรศัพท์สมัยก่อนใช้คนต่อสายระหว่างคนโทร แต่สมัยนี้เครื่องจักรทำงานแทนหมดแล้ว:

การเขียนโปรแกรมสมัยก่อนใช้การต่อสายไฟต่างๆในคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน:

การโปรแกรมคอมพิวเตอร์สมัย 1947 ชื่อ ENIAC ทำโดยการต่อสายไฟให้เหมาะสม ภาพนี้มาจาก http://www.history.com/news/coding-used-to-be-a-womans-job-so-it-was-paid-less-and-undervalued

และตัวอย่างการเขียนโปรแกรม Hello, World ในภาษาคอมพิวเตอร์ต่างๆ

และเด็กๆได้รู้จักคอมพิวเตอร์ที่ทำจากเฟืองอายุกว่า 2,000 ปี:

และคอมพิวเตอร์แบบเดียวกันแต่ต่อด้วย Lego:

จากนั้นเด็กๆก็หัดใช้ตัวแปรพวกจำนวนเต็ม เลขทศนิยม ข้อความ ลิสต์ และหัดเขียนฟังก์ชั่นบวกเลข 1 + 2 + 3 + … + n และอื่นๆกันครับ

โหลด Jupyter Notebook ได้ที่นี่ หรือดูออนไลน์ได้ที่นี่ครับ

Action Bias, หัดใช้คาลิเปอร์, รู้จัก Mean & Standard Deviation

วันนี้เด็กๆเรียนเรื่อง action bias จากหนังสือ The Art of Thinking Clearly โดยคุณ Rolf Dobelli ให้ระวังว่าบางทีเราจะอยู่เฉยๆไม่เป็น อยากจะทำอะไรซักอย่าง เพราะการทำอะไรบางอย่างทำให้รู้สึกดีขึ้น ทั้งๆที่ด้วยเหตุผลแล้วถ้าอยู่เฉยๆจะมีประโยชน์กว่า

จากนั้นเด็กๆก็หัดใช้คาลิเปอร์วัดขนาดเหรียญบาทกันครับ

เด็กๆเห็นว่าการวัดขนาดเหรียญหลายเหรียญ ด้วยเครื่องมือหลายอัน และคนหลายคนได้ตัวเลขที่ใกล้เคียงกันแต่ไม่เหมือนกันเป๊ะ เราจึงรายงานผลการวัดของเราในรูป ค่าเฉลี่ย ± ค่าเบี่ยงเบนมาตราฐาน หรือ mean ± standard deviation ครับ

เด็กๆได้เห็นวิธีคำนวณค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานประมาณนี้:

ได้เห็นตัวอย่างโค้ดไพธอนที่คำนวณ:

ดูเหมือนว่าเด็กๆจะตื่นเต้นกับตัวอักษรกรีกด้วย

และมีการบ้านไปอ่านเรื่องเลขนัยสำคัญที่นี่และที่นี่ครับ

อัลบั้มบรรยากาศชั้นเรียนอยู่ที่นี่ครับ