Making the World a Better Place, One Evil Mad Scientist at a Time

I knew of the “Evil Mad Scientist Laboratories” website because I saw the “How to make the simplest electric motor” link on Reddit (which, by the way, is a very effective, very entertaining time sinker guaranteed to suck years from your life.)

If you like the Evil Mad Scientist site, you might also find Science Toys and The Science Toy Maker interesting also. I think these websites will be very handy when Titus and Tatia start on their apprenticeship in mastering space and time. After all, inventors of warp drives need to start somewhere.

Nocebo, Placebo, และการสาปแช่ง

ปรากฏการณ์ Nocebo (อ่านว่า น็อค-ซี-โบ้) คือการที่ร่างกายเราป่วยเมื่อเราคิดว่าเราจะป่วย เช่นคิดว่าได้รับยาพิษแล้วก็ป่วยทั้งๆที่ไม่ได้รับอะไรเข้าไปเลย บางครั้งการคิดว่าตนเองป่วยก็ทำให้ป่วยจริงๆ เช่นการทดลองที่นักวิจัยหลอกคนว่ามีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่จะทำให้ปวดหัว แล้วปรากฏว่าปวดหัวจริงๆ หรือบอกว่าจะเอาใบไม้ที่ทำให้คันมาแตะมือแล้วมือก็แดงและคันขึ้นมาเอง

ปรากฏการณ์ Placebo (อ่านว่า พลา-ซี-โบ้) เป็นความหมายตรงกันข้าม คือร่างกายหายป่วยได้เมื่อคิดว่าได้ยาดีหรือได้ทำพิธีอะไรบางอย่าง เช่นหมอบอกว่าให้กินเม็ดแป้ง หรือฉีดน้ำเกลือแล้วอากาศปวดหัวก็หายไป

ทั้งสองอย่างไม่ได้เกิดทุกครั้ง แต่ก็เกิดบ่อยเกินกว่าที่จะเป็นความบังเอิญ

ปรากฏว่ามีคนพบว่าคนที่เชื่อมนต์วูดู เวลาถูกแช่งมักจะป่วย และบางคนตายไปเลย

เรายังไม่เข้าใจปรากฏการณ์เหล่านี้ว่าทำงานอย่างไร แต่น่าจะเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของร่างกายและจิตใจ (สมอง)

เพราะฉนั้น เวลาคุณป่วยคุณควรจะทำใจดีๆ อย่าเสียกำลังใจให้สู้เต็มที่ และถ้าคุณถูกแช่งชักหักกระดูกหรือขับไล่โดยคนจำนวนมาก คุณก็ควรหน้าด้านหน้าทนไม่สนใจ แล้วคุณอาจจะไม่ตายตามคำแช่งก็ได้

Things to Teach My Children (Version 1.0)

Things to Teach My Children (version 1.0: Feb 24, 2006)

Foundations:

  1. Don’t believe anything easily. Use evidences & reasoning. อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ
  2. Empathize with other people. Be kind to others. เอาใจเขา มาใส่ใจเรา
  3. Don’t take advantage of people. อย่าเอาเปรียบผู้อื่น
  4. Remember that life is short. Try to make it a good one. ดำรงชีวิตให้มีประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมโลก ชีวิตมีชีวิตเดียว ใช้ชีวิตแบบที่เราสามารถภูมิใจได้เมื่อเราตาย
  5. Learn about mathematics & sciences. เรียนรู้หลักการทางคณิตศาสตร์ มันเป็นภาษาของจักรวาลที่เราอยู่ เรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อรู้ว่ากฎเกณฑ์ธรรมชาติเป็นอย่างไร
  6. Learn about history. เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ให้ทราบถึงธรรมชาติของมนุษย์
  7. Learn English. รู้จักใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆที่จำเป็นในอนาคต
  8. Pick at least one sport to enjoy. Pick at least one musical instrument to enjoy. หัดเล่นกีฬาและดนตรีที่เราชอบ แม้ว่าเราจะไม่เก่งจนไปแข่งกับใครได้ แต่เราจะมีความสุข และสุขภาพดีพอควร
  9. Be brave when you have to. จงกล้าหาญที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าเราจะกลัวก็ตาม ความกล้าหาญไม่ใช่การไม่กลัวอะไร แต่คือการที่เลือกจะทำสิ่งที่ถูกแม้ว่าจะมีผลกระทบที่ไม่ดีต่อตัวเรา
  10. Practice Buddhism, not necessarily as a religion, but at least as the mind’s user manual. ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า แม้ไม่ยึดเป็นศาสนา ก็เพื่อให้เราใช้สมองและจิตอย่างมีสติ

Good books for them to read:

  1. The Feynman’s Lecture on Physics Vol. 1, 2, and 3 by Richard P. Feynman
  2. The Blind Watchmaker by Richard Dawkins
  3. The Evolution of Cooperation by Robert Axelrod
  4. The Red Queen by Matt Ridley
  5. Buddhadasa’s Books หนังสือของท่านพุทธทาส (และ http://www.buddhadasa.org/)

Skills to have:

  1. Know how to learn. Be a self-learner. จงเรียนรู้ด้วยตนเองได้
  2. Know how to tell computers to do your tasks. จงสามารถบอกให้คอมพิวเตอร์ทำงานต่างๆให้เราได้
  3. Know when to discount expert opinions. จงกล้าที่จะไม่เชื่อผู้เชี่ยวชาญเมื่อเรามีข้อมูลและเหตุผลที่บอกว่าเขาผิด
  4. Know how to gauge people. Respect people, not because of their ranks or wealth, but because of their honorable lives. นับถือคนดี เกียรติของคนไม่ได้อยู่ที่ยศตำแหน่งหรือทรัพย์สิน เกียรติอยู่ที่จิตใจที่งดงาม และสิ่งดีๆที่เขาทำให้สังคมและโลก
  5. Know how to defend yourself. รู้จักเทคนิคการป้องกันตนเอง จากภัยต่างๆ

บันทึกกิจกรรมวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กๆ อยากให้คุณพ่อคุณแม่คุณครูเอาไปประยุกต์เล่นกับเด็กๆเยอะๆครับ :-)