อัลบั้มภาพการเรียนการสอนอยู่ที่นี่ครับ
ถ้าสงสัยว่าไม่เห็นรูปหรือวิดีโอ เข้าไปดูที่เว็บ https://witpoko.com/ นะครับ ส่วนใหญ่ถ้าอ่านในเมล์จะไม่เห็นวิดีโอครับ
(คราวที่แล้วเรื่องโมเลกุลแป้งข้าวโพดและใช้หลักการของเบอร์นูลลีเพิ่มปริมาณลมอยู่ที่นี่ครับ)
วันนี้ผมไปสอนเด็กๆกลุ่มบ้านเรียนปฐมธรรมและกลุ่มบ้านเรียนภูมิธรรมครับ วันนี้เรื่องทดลองต้มน้ำเปล่า ต้มน้ำเกลือ และทดลองเอาลูกโป่งลนไฟ
ก่อนอื่นผมให้เด็กๆดูภาพลวงตาสองภาพ เพื่อให้เด็กๆทบทวนว่าสมองและประสาทสัมผัสของเราถูกหลอกได้ง่ายมากครับ ถ้าภาพไม่ขยับให้เมาส์กดที่ภาพหรือเปิดลิงค์นี้และลิงค์นี้นะครับ:
ความจริงตรงกลางต่ำสุด แต่มุมและเส้นต่างๆในมุมมองนี้ทำให้เราคิดว่ามันเป็นจุดสูงสุด มันเลยแปลกที่ลูกบอลวิ่งสู่ที่สูงได้ |
มองที่ศูนย์กลางสักครึ่งนาทีแล้วมองไปรอบๆตัว จะเห็นสิ่งต่างๆเต้นเป็นคลื่นๆ |
หลังจากที่เด็กๆได้เวียนหัวกับภาพลวงตาแล้ว เราก็มาเริ่มทำการทดลองกัน เราเคยเอาน้ำแข็งใส่น้ำแล้ววัดอุณหภูมิมาแล้วในอดีต เมื่อเราเอาเกลือโรยน้ำแข็ง ปรากฎว่าอุณหภูมิต่ำลงไปอีก คราวนี้เราจะมาลองต้มน้ำกันโดยที่เราจะต้มน้ำเปล่าๆ แล้วก็ต้มน้ำใส่เกลือ เพื่อวัดอุณหภูมิว่าเป็นอย่างไรครับ
ต้มกันแบบนี้แหละครับ |
เราทำการต้มน้ำสามครั้ง ครั้งแรกใส่แต่น้ำเปล่าๆ ครั้งที่สองเอาน้ำใส่เกลือไม่มาก ครั้งที่สามเอาน้ำใส่เกลือมาก โดยที่ทุกครั้งเอาน้ำ 500 ซีซี หรือครึ่งลิตร ใส่หม้ออลูมิเนียมแล้วต้มด้วยเตาแก๊สปิกนิก ถ้าใส่เกลือเราก็จะคนจนเกลือละลายหมดก่อนต้ม น้ำที่ใช้ที่กลุ่มบ้านเรียนปฐมธรรมเป็นน้ำที่ออกมาจากเครื่องกรองน้ำ RO น้ำที่กลุ่มบ้านเรียนภูมิธรรมเอามาจากน้ำประปาครับ เราตักเกลือด้วยช้อนกินข้าว ไม่ได้ตวงละเอียด เราใช้เทอร์โมมิเตอร์ดิจิตอลจุ่มน้ำแล้วอ่านค่าทุกๆสามสิบวินาทีจนอุณหภูมิไม่เพิ่มขึ้น ผมแจกนาฬิกาจับเวลาให้เด็กๆช่วยกันนับเวลาแล้วผมก็อ่านค่าจากเทอร์โมมิเตอร์ให้จดกัน ผลที่ได้เป็นอย่างนี้ครับ:
ผลที่ปฐมธรรมครับ |
ผลที่ภูมิธรรมครับ |
กราฟจากปฐมธรรมครับ |
กราฟจากภูมิธรรมครับ |
น้ำปกติไม่ใส่เกลือจะเดือดที่ 100 องศาเซลเซียสครับ (ที่ความดันปกติไม่มากหรือน้อยเกินไป) แต่พอเราใส่เกลือเข้าไป น้ำจะเดือดที่อุณหภูมิสูงกว่า 100 องศา (ที่ 101, 103, 103.5, และ 105 ขึ้นกับปริมาณเกลือ) ดังนั้นเวลาเราทานสุกี้ เวลาน้ำซุปเดือด อุณหภูมิของมันควรจะมากกว่า 100 อาศาครับ
ถ้าเราจะทำให้น้ำเดือดง่ายๆ เราก็ไปในที่ความดันอากาศต่ำๆ เช่นภูเขาสูงๆ เวลาเราต้มน้ำ มันจะเดือดที่อุณหภูมิต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียสครับ
ต่อไปเราก็ทำการทดลองอันที่สองกัน เราเอาลูกโป่งสองลูกมาลนไฟดูครับ ลูกหนึ่งมีแต่อากาศที่เราเป่าเข้าไปข้างใน อีกลูกเราใส่น้ำไว้ในลูกโป่งด้วย เชิญดูคลิปเลยครับ:
สาเหตุที่ลูกโป่งที่มีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ทนไฟอยู่ได้นานๆก็เพราะน้ำสามารถดูดซับความร้อนได้เยอะ เมื่อเราเอาไฟไปลนลูกโป่ง ยางของลูกโป่งก็จะร้อนขึ้น แต่เนื่องจากยางมีความบางและอยู่ติดกับน้ำ ความร้อนส่วนใหญ่ก็ถูกน้ำรับเอาไปหมด น้ำจะอุ่นขึ้นนิดหน่อยแต่อุณหภูมิไม่สูงพอที่จะทำให้ยางขาดได้ (แต่ถ้าเราใช้ยางที่หนาๆกว่าลูกโป่ง มันก็เป็นไปได้ว่ายางจะไหม้ไฟนะครับ เนื่องจากยางหนาทำให้ส่งถ่ายความร้อนไปยังน้ำที่อยู่ด้านตรงข้ามกับไฟไม่ทัน ยางด้านที่ใกล้ไฟอาจจะมีอุณหภูมิสูงเกินไปทำให้ติดไฟได้)
หลักการที่ว่าน้ำสามารถดูดซับความร้อนได้เยอะถูกใช้ในหม้อน้ำรถยนต์ ที่เราใช้น้ำไปดึงความร้อนออกมาจากเครื่องยนต์ที่เผาเชื้อเพลิงอยู่ แล้วมาระบายความร้อนที่รังผึ้งที่ใช้พัดลมเป่าให้ความร้อนออกไปกับอากาศที่ไหลผ่าน ถ้าระบบหม้อน้ำเสีย เครื่องยนต์ก็จะร้อนจัด จนละลายและหยุดทำงาน นอกจากนี้น้ำยังเป็นตัวควบคุมอุณหภูมิไม่ให้กระโดดไปมาเร็วๆด้วย เช่นในทะเลทรายที่น้ำน้อย ตอนกลางวันก็ร้อนจัด กลางคืนก็หนาว ในที่ที่มีน้ำเยอะๆ น้ำจะช่วยดูดซับเอาความร้อนไปในตอนกลางวัน และปล่อยความร้อนออกมาในตอนกลางคืน ทำให้ไม่ร้อนไม่หนาวต่างกันเกินไป