Category Archives: education

วิทย์ม.ต้น: สุดยอดสิ่งประดิษฐ์แกล้งขโมย, Cognitive Biases สามอย่าง, เล่น StrandBeest, ม้วนกระดาษ A4 รับน้ำหนัก 50 กิโลกรัม

วันนี้เด็กๆประถมต้นได้ดูคลิปสิ่งประดิษฐ์สุดยอดไว้แกล้งขโมยครับ ในอเมริกาเวลามีพัสดุมาส่งที่บ้าน ถ้าไม่มีคนอยู่บ้าน พัสดุมักจะถูกวางไว้หน้าบ้าน ทำให้หายบ่อยๆ คุณ Mark Rober เลยประดิษฐ์กล่องวัสดุปลอมๆที่ข้างในติดกล้องไว้ถ่ายวิดีโอขโมย มี GPS รู้ว่าอยู่ที่ไหน มีจานหมุนปล่อยผง glitter (กากเพชร) ให้เลอะเทอะ และปล่อยกลิ่นตดทุก 30 วินาทีให้ขโมยเอากล่องไปทิ้งก่อนแกะดูครับ:

จากนั้นเราก็คุยกันเรื่อง cognitive biases สามอย่างที่เด็กๆไปอ่านในหนังสือ The Art of Thinking Clearly ในสัปดาห์ที่ผ่านมาครับ คราวนี้เรื่อง Chauffeur Knowledge, Illusion of Control, และ Incentive Super-Response Tendency ครับ

Chauffeur knowledge คือระวังความรู้แบบจำๆมาแบบนกแก้วนกขุนทอง ไม่ได้มีความเข้าใจลึกซื้งจริงจังถึงเหตุผลต่างๆ ระวัง “ผู้เชี่ยวชาญ” ที่พูดคล่องแคล่วแต่ไม่เชี่ยวชาญจริงๆ  ระวังคนที่เรียกตัวเองว่า “ด็อกเตอร์”, “อาจารย์”, “ซินแส”, “โค้ช” ฯลฯ ครับเพราะมักจะมีพวกที่มีความรู้แบบ chauffeur knowledge เยอะ ระวังตัวเราเองว่าเรารู้เรื่องอะไรดีแค่ไหน เรื่องไหนเราไม่รู้

Illusion of control คือการที่เราคิดว่าเราสามารถบังคับเหตุการณ์ต่างๆรอบตัวได้มากกว่าที่เราทำได้จริงๆ ดังเช่นนิทานที่ไก่เข้าใจผิดว่าดวงอาทิตย์ขึ้นเพราะมันขันครับ เราควรจะรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงได้แล้วโฟกัสความสามารถของเราทำสิ่งเหล่านั้นให้ชีวิตดีขี้น ไม่ต้องไปกังวลกับสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ครับ สำหรับเด็กๆก็ควรฝึกวิชา ฝึกคิด ฝึกทำเยอะๆให้ตัวเองมีฝีมือครับ

Incentive super-response tendency คือต้องระวังการตั้งแรงจูงใจให้ดี คนมักจะทำเพื่อแรงจูงใจหรือมาตรวัดต่างๆแล้วบางทีลืมถึงเหตุผลที่มีระบบสร้างแรงจูงใจหรือมาตรวัดแบบนั้นๆตั้งแต่ต้น เช่นระบบการศึกษาไทยอยากให้มีคุณภาพเลยสร้างวิธีวัดวิธีสอบต่างๆจนนักเรียนไม่ค่อยได้เรียนรู้อะไรที่สำคัญครับ หรือการจ้างงานเป็นชั่วโมงทำให้งานยืดเยื้อไม่ยอมเสร็จ

จากนั้นเด็กๆก็ได้รู้จักสิ่งประดิษฐ์/งานศิลปะโดยคุณ Theo Jansen ที่เรียกว่า Strandbeest  (เป็นภาษา Dutch แปลว่า Beach Animal ในภาษาอังกฤษ )

มีของเล่นเป็นชุด kit ที่เราเอามาต่อเล่นเองได้ดังในคลิปนี้ครับ:

วันนี้เด็กๆเลยสังเกตการทำงานและเล่นของเล่น Strandbeest ครับ:

จากนั้นเด็กๆลองทดลองม้วนกระดาษ A4 ให้เป็นทรงกระบอกแล้วรับน้ำหนักกันครับ วิธีทำเป็นประมาณนี้:

เด็กๆผลัดกันเอาหนังสือมาวางทับท่อกระดาษ ดูว่ารับน้ำหนักได้แค่ไหนครับ อันแรกใช้ท่อกระดาษ 4 อัน รับน้ำหนักได้ประมาณ 11 กิโลกรัมก่อนที่จะล้ม:

เด็กๆช่วยกันทำท่อ 21 อัน แล้วลองรับน้ำหนักดูครับ:

วิทย์ม.ต้น: ใช้ Python ทำงานกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษในไฟล์ต่อ

วันนี้เด็กๆมัธยมต้นเรียนรู้วิธีใช้ Python เปิดไฟล์ที่มีคำศัพท์ภาษาอังกฤษต่อจากสัปดาห์ที่แล้วครับ เรามีไฟล์ที่มีคำภาษาอังกฤษหนึ่งคำต่อหนึ่งบรรทัดแล้วก็อ่านเข้ามาทีละบรรทัดและทำการประมวลผลไป เราทดลองหาคำ Palindrome:

หาคำที่ยาวที่สุด พบว่ายาว 24 ตัวอักษร:

เราดูกันว่าคำที่มีตัวอักษร 1, 2, 3, …, 24 มีอย่างละกี่คำ:และเราสามารถวาดกราฟเปรียบเทียบดูได้:

ท่านสามารถกดดู notebook นี้ได้ที่ http://nbviewer.jupyter.org/urls/witpoko.com/wp-content/uploads/2018/12/หัดอ่านไฟล์_ตอน_2.ipynb

หรือดาวน์โหลดไปเล่นเองได้จาก https://witpoko.com/wp-content/uploads/2018/12/หัดอ่านไฟล์_ตอน_2.ipynb (ถ้ากดแล้วไม่โหลดให้กดเมาส์ขวา Save As… หรือ Download linked file… นะครับ) ถ้าจะเล่นเองต้องมีไฟล์คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เช่นถ้ามี macOS ไฟล์ก็จะอยู่ที่ /usr/share/dict/words ถ้าไม่มีก็สามารถไปหาได้ที่ https://github.com/dwyl/english-words/เป็นต้นครับ

เครื่องทุ่นแรงไฮดรอลิก จรวดหลอดพลาสติก คอปเตอร์กระดาษ

ผมไปทำกิจกรรมวิทย์กับเด็กๆมาครับ เด็กประถมได้หัดคิดแบบวิทยาศาสตร์โดยพยายามอธิบายมายากล เด็กประถมต้นได้เริ่มรู้จักเครื่องทุ่นแรงที่หลอดฉีดยาสองหลอดใส่น้ำเต็มและขนาดต่างกันต่อกันด้วยท่อ เด็กๆสามารถเพิ่มแรงตัวเองเป็นสิบเท่าสู้กับผมสบายๆ เด็กประถมปลายได้ทำของเล่นจรวดหลอดพลาสติกที่ใช้แรงดันอากาศทำให้วิ่งไปได้ไกลๆ เด็กอนุบาลสามได้หัดประดิษฐ์ของเล่นคอปเตอร์กระดาษกัน

(อัลบั้มบรรยากาศกิจกรรมต่างๆอยู่ที่นี่นะครับ กิจกรรมประถมคราวที่แล้วเรื่อง “เล่นกับคอปเตอร์กระดาษ รูปทรงที่ทำจากกระดาษตกพร้อมกัน” ครับ รวมทุกกิจกรรมอยู่ที่นี่นะครับ)

ก่อนที่เข้าสู้ช่วงสิ่งประดิษฐ์ เด็กประถมได้ดูมายากลนี้ครับ ดูเฉพาะตอนแรกที่เป็นกล ยังไม่ดูส่วนเฉลยตอนหลังนะครับ ไว้ดูเฉลยหลังจากได้พยายามคิดพยายามอธิบายว่ากลแต่ละกลทำอย่างไรกันก่อนครับ กลวันนี้คือเอาเลื่อยตัดตัว  เด็กๆอธิบายกันได้ใกล้เคียงวิธีทำจริงมากครับ:

กิจกรรมนี้ฝีกเด็กๆให้คิดแบบวิทยาศาสตร์ครับ มีการสังเกต การตั้งสมมุติฐานเพื่ออธิบายสิ่งที่สังเกตมา การตรวจสอบสมมุติฐานกับข้อมูลที่สังเกตมา การตั้งสมมุติฐานใหม่เมื่อสมมุติฐานเดิมขัดกับข้อมูล นอกจากนี้เราพยายามให้เด็กๆมีความกล้าคิดและออกความเห็นครับ

สำหรับเด็กประถมต้น ผมเอาหลอดฉีดยาขนาดเล็กและขนาดใหญ่มาต่อกันด้วยท่อโดยเติมน้ำให้ไม่มีฟองอากาศมาให้ดูครับ

จากนั้นผมก็ให้เด็กๆดันก้านหลอดเล็กโดยผมดันก้านหลอดใหญ่สู้กัน ปรากฏว่าเด็กชนะผมได้อย่างง่ายดาย แรงของเด็กตัวเล็กๆสามารถสู้กับแรงของผู้ใหญ่ตัวใหญ่ๆอย่างผมได้ และเมื่อกลับกันเด็กๆดันก้านหลอดใหญ่บ้าง ผมก็ใช้แรงนิดเดียวดันก้านหลอดเล็กก็ดันก้านหลอดใหญ่ให้ขยับออกไปได้

 

สาเหตุที่เด็กๆสามารถใช้หลอดฉีดยาอันเล็กชนะผมที่ใช้หลอดฉีดยาอันใหญ่ก็เพราะความสัมพันธ์เรื่องความดันและแรงกดครับ ความดันคือแรงต่อพื้นที่ เวลาเรามีหลอดขนาดต่างกันใส่น้ำไว้ พอกดหลอดหนึ่ง ความดันมันส่งผ่านน้ำไปอีกหลอดหนึ่งทำให้สามารถเป็นตัวคูณแรงได้ถ้าพื้นที่หน้าตัดของหลอดอีกหลอดใหญ่กว่าพื้นที่หน้าตัดหลอดแรก

คำอธิบายสำหรับเด็กที่โตๆหน่อยครับ
คำอธิบายสำหรับเด็กที่โตๆหน่อยครับ

ผมเคยบันทึกกิจกรรมนี้ไว้ในช่องเด็กจิ๋ว & ดร. โก้ครับ:

นอกจากนี้ผมให้เด็กๆลองเอาหลอดสูบอากาศให้เต็มแล้วอุดปลายหลอด แล้วพยายามกดให้ก้านหลอดเข้าไป เปรียบเทียบกับอีกแบบที่สูบน้ำให้เต็มหลอด อุดปลายหลอด แล้วกด เด็กๆก็พบว่าเขาสามารถอัดอากาศให้เล็กลงได้ แต่ไม่สามารถอัดให้น้ำเล็กลงได้ครับ

สำหรับเด็กประถมปลาย ผมให้ประดิษฐ์จรวดจากหลอดพลาสติก เราเอาหลอดพลาสติกมาอุดปลายด้านหนึ่งด้วยดินน้ำมันหรือกาวดินน้ำมัน แล้วมาสวมปลายเปิดกับหลอดฉีดยาขนาดใหญ่ 50 ซีซีที่ใส่อากาศไว้ ถ้าเราสวมหลอดให้แน่นๆแล้วค่อยๆกดก้านหลอดฉีดยาเข้าไป ความดันภายในจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าความดันมากพอ หลอดพลาสติกก็พุ่งออกไปด้วยความเร็ว ถ้าทำดีๆสามารถวิ่งไปได้ไกลกว่าสิบเมตรครับ

 สำหรับเด็กอนุบาลสาม ผมไปสอนวิธีทำของเล่นคอปเตอร์กระดาษครับ วิธีเหมือนในคลิปนี้นะครับ:

เด็กๆแยกย้ายกันประดิษฐ์และเล่นกันครับ